Michael Crichton

Michael Crichton

: Next
คำเตือนสุดท้าย
ต่อการค้าพันธุกรรมในอนาคต
จาก ไมเคิล ไครซ์ตัน
....
น่าเสียดายที่หลายคนปล่อยให้ตัวเองพลาดหนังสือเล่มหลังๆ ของไมเคิล ไครซ์ตัน มาหลายเล่ม จนกระทั่งได้ข่าวว่าเขาเสียชีวิตในวัย 66 ปีด้วยโรคมะเร็งเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
............
ข่าวร้ายนี้นำพาให้บางคนได้มีโอกาสรู้จัก Next หนังสือเล่มล่าสุดของเขาที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2550 รวมถึงได้รับรู้ว่าในวาระสุดท้ายของนักเขียนผู้ฉลาดเฉลียวปราดเปรื่องที่สุดคนหนึ่งของโลกคนนี้ นอกจากเขาต้องรับมือกับโรคร้ายในร่างกายตัวเองแล้ว เขายังทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีไปกับการรณรงค์ต่อสู้เกี่ยวกับการออกกฏหมายสิทธิบัตรพันธุกรรมของสหรัฐอเมริกา ที่ไครซ์ตันบอกว่า “พันธุกรรมเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาตามธรรมชาติ มันมีมานานกว่าล้านปีไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นจึงไม่สามารถเป็นเจ้าของได้”
............
และนั่นคือประเด็นสำคัญของ Next ซึ่งตอนท้ายเล่ม ไครซ์ตันได้สรุปข้อมูลต่างๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องราวในเล่มเอาไว้ยาวเหยียด จนแฟนนวนิยายหลายคนของเขารู้สึกแปลกใจว่าไครซ์ตันคนเดิมที่เขียนนวนิยายสนุกๆ อย่าง Jurassic Park, The Lost World Congo, Sphere, The Terminal Man, Prey, State of Fear คนนั้นหายไปไหนแล้ว
.......
ไครช์ตันจบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยได้รับรางวัลเรียนดีอันดับสูงสุด เคยสอนวิชามานุษยวิทยาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ งานเขียนของไครช์ตันมีชื่อเสียงเรื่องพล็อตแปลกใหม่ น่าติดตาม สำนวนกระชับรัดกุม สอดแทรกความรู้ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ได้อย่างสมจริง ชวนตื่นตาตื่นใจ Five Patient งานเขียนเล่มหนึ่งของเขาเคยได้รับรางวัลจากสมาคมนักเขียนแพทย์อเมริกันในปี 1970 งานเขียนของเขาหลายเรื่องกลายเป็นหนังทำเงินอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะ Jurassic Park ที่เด็กบางคนเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำเป็นร้อยรอบโดยไม่รู้จักเบื่อ จนทำให้ไครช์ตันได้รับการเชิดชูเกียรติจากนักโบราณคดี เมื่อมีการขุดพบไดโนเสาร์ ankylosaur ก็ได้รับการตั้งชื่อให้เป็นไครช์ตันเซารัสโบลินี (Crichtonsaurusbohlini) เมื่อปี 2545 อีกด้วย
.........
ผลงานเขียนของไครช์ตันมักจะเชิดชูประเด็นใหม่เกี่ยวกับธุรกิจและนวัตกรรมทางชีวภาพที่เป็นภัยคุกคามมนุษยชาติ โดยเฉพาะเมื่อปี 2005 ไครช์ตันกลับไปศึกษาต่อด้านชีววิทยาที่สถาบันซอลค์ใน ลา โจลลา ได้เข้าร่วมประชุมเรื่องพันธุกรรมและกฎหมาย ไครช์ตันประหลาดใจและโกรธมากเมื่อเขาได้รู้ว่ากฎหมายปัจจุบันได้มีผลอย่างมากในเรื่องพันธุกรรม นั่นเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อไครช์ตันตัดสินใจเลื่อนโปรเจคท์อื่นๆ ที่เขากำลังทำอยู่ขณะนั้นออกไปก่อน และเริ่มศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง
............
จนกระทั่งในปี 2006 นวนิยายเรื่อง Next ของเขาก็ออกวางจำหน่าย นอกจากเนื้อหาในนวนิยายเรื่องนี้จะมีข้อมูลที่เป็นจริงและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกฎหมายสิทธิบัตรพันธุกรรมอย่างเต็มตัว ไมเคิลเขียนสรุปกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยพันธุกรรมที่เขาต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นกฏหมายที่จะทำให้ความก้าวหน้าทางการค้นคว้าวิจัยต้องชะงักงัน และจะทำให้โรคร้ายบางโรคกลายเป็น “สินค้ามีสิทธิบัตร” ทำให้ผู้ป่วยต้องจ่ายมากขึ้นในการตรวจรักษา ซึ่งไครซ์ตันคิดว่ามันเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษยชาติ “สำหรับกฎหมาย ผมต้องการให้แก้ไข 4 เรื่อง นั่นคือหยุดจดสิทธิบัตรพันธุกรรม, ทบทวนกฎหมายการครอบครองเนื้อเยื่อ, ต้องมีการพิสูจน์รายงานผลการรักษา และการวิจัยในอนาคตจะต้องมีเสรีภาพเต็มที่” เขาประกาศเช่นนั้น คลิกอ่านเจตนารมณ์ฉบับนี้เต็มๆ ได้ที่
http://www.michaelcrichton.net/
...........
“บ่อยครั้งผมถูกกล่าวหาว่าเป็นนักเขียนนิยายที่เสนอหน้ามาเจ๋อเรื่องสำคัญที่มีพวกปัญญาชนเขากำลังพูดถึงกันอยู่ ผมอยากจะบอกแค่ว่าข้อสังเกตของผมนั้นมีโลโก้บอกเอาไว้เสมอว่าอะไรคือ “นิยาย” ไม่เหมือนกับบางคน โดยเฉพาะพวกสื่อทั้งหลายที่มักจะอ้างว่าตัวเองรายงานความจริง ทั้งๆที่ตัวเองกำลังรายงานนิยายอยู่แท้ๆ อย่างเช่นการที่ บีบีซีรายงานว่า “คนผมบลอนด์จะสูญพันธ์ไปในอีก 200 ปีข้างหน้า” เรื่องนี้ไม่จริงเลย มันเป็นเรื่องแต่งขึ้น ไม่มีแหล่งที่เชื่อถือมาอ้างเลย"
...
"บทความบอกว่ามีการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญในเยอรทัน ขอบอกว่าที่นั่นไม่มีผู้เชี่ยวชาญและไม่มีการศึกษาเรื่องนี้เลยครับ เขาบอกว่าเป็นนักวิจัยจากองค์กรณ์อนามัยโลก แต่นักวิจัยนั่นไม่มีจริงเลย มันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น” ไครซ์ตันกล่าวไว้อย่างนั้น เมื่อเขาได้รับเกียรติให้ขึ้นกล่าวนำในการประชุมเรื่อง “กฎหมายและประเด็นจริยธรรมจากหนังสือเรื่อง next ของ ไมเคิล ไครซ์ตัน” ที่ชิคาโอ อิลินอยส์ เมื่อ 21 พฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งไครซ์ตันบอกว่า “ผมเขียนหนังสือออกไปหลายเล่ม ก็จะมีการพูดคุยถึงเนื้อหาในหนังสือของผมอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรกที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือของผมอย่างจริงจัง”
.........
คุณนึกอยากจะอ่าน Next ขึ้นมาบ้างหรือยังล่ะเนี่ย!



Michael Crichton,
who died in Los Angeles on November 4, 2008, was a writer and filmmaker, best known as the author of Jurassic Park and the creator of ER. His most recent novel, Next, about genetics and law, was published in December 2006.

Novels
THE ANDROMEDA STRAIN, Knopf, 1969
THE TERMINAL MAN, Knopf, 1972
THE GREAT TRAIN ROBBERY, Knopf, 1975
EATERS OF THE DEAD, Knopf, 1976
CONGO, Knopf, 1980
SPHERE, Knopf, 1987
JURASSIC PARK, Knopf, 1990
RISING SUN, Knopf, 1992
DISCLOSURE, Knopf, 1994
THE LOST WORLD, Knopf, 1995
AIRFRAME, Knopf, 1996
TIMELINE, Knopf, 1999
PREY, Harper Collins, 2002
STATE OF FEAR, Harper Collins, 2004
NEXT, Harper Collins, 2006

Non-Fiction
FIVE PATIENTS: The Hospital Explained, Knopf, 1970
JASPER JOHNS, Abrams, 1977
ELECTRONIC LIFE, Knopf, 1983
TRAVELS, Knopf, 1988
JASPER JOHNS (revised edition), Abrams, 1994

Published Screenplays
WESTWORLD, Bantam Books, 1975
TWISTER (with Anne-Marie Martin), Ballantine Books, 1996

Films
PURSUIT, ABC Movie of the Week, 1972. (Director)
WESTWORLD, Metro-Goldwyn-Mayer, 1973. (Writer/Director)
COMA, Metro-Goldwyn-Mayer, 1978. (Writer/Director)
THE GREAT TRAIN ROBBERY, United Artists, 1979. (Writer/Director)
LOOKER, The Ladd Company, 1981. (Writer/Director)
RUNAWAY, Tri-Star Pictures, 1984. (Writer/Director)
PHYSICAL EVIDENCE, Columbia Pictures, 1989. (Director)
JURASSIC PARK, Universal, 1993 (Co-writer)
RISING SUN, Twentieth Century Fox, 1993 (Co-writer)
DISCLOSURE, Warner Brothers, 1994 (Co-producer)
TWISTER, Warner Brothers/Universal, 1996 (Co-writer, Co-producer)
SPHERE, Warner Brothers, 1998 (Co-producer)
13TH WARRIOR, Touchstone, 1999 (Co-producer)

Other Films From Crichton's Books
THE ANDROMEDA STRAIN, Universal, 1971
Michael Crichton's website